การเทรดซื้อขายสินทรัพย์และการลงทุนในยุคปัจจุบันนั้นอาจดูยากสำหรับมือใหม่และผู้สูงวัยด้วยความสามารถทางเทคโนโลยีและความรู้อย่างคำศัพท์ใหม่ๆที่เพิ่งจะเกิดได้ไม่กี่ปีรวมถึงสายงานและอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนด้วยแล้วอาจจะทำให้ดูยากเย็นแสนเข็ญสำหรับผู้ที่ต้องการจะเริ่มต้นเป็นครั้งแรกได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของคุณอย่างแน่นอน
เทรนและสถานการณ์ทางการตลาด
การติดตามสถานการณ์การตลาดของหุ้นตัวที่เราลงทุนนั้นถือเป็นเรื่องปกติของผู้ลงทุนไม่ว่าคุณจะลงทุนด้วยตนเองหรือใช้โบรกเกอร์ก็ตาม เพราะการลงทุนที่ชาญฉลาดจะมาจากผู้ที่มีความรอบรู้มีประสบการณ์และมีความสามารถในการวิเคราะห์ตัวแปรทั้งตัวแปรผันตรงและตัวแปรแวดล้อมแล้วนำไปสู่บทสรุปของเทรนตลาดนั้นๆ ถึงแม้ว่าคุณจะจ้างโบรกเกอร์ที่จะมีหน้าที่ที่ผ่อนปรนและคอยช่วยเหลือคุณในการเทรดซื้อขายให้ได้มาซึ่งกำไรแต่โบรกเกอร์ก็อาจจะทำแทนคุณไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นและอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างและไม่เด็ดขาดอย่างคุณ นักลงทุนสายเทคนิคจะให้ความสนใจกับพฤติกรรมของหุ้นซึ่งจะสังเกตได้จากราคาที่แปรผัน โดยไม่ว่าจะเป็นโบรกเกอร์หรือผู้ลงทุนเองนั้นจะใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆเข้าช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมของหุ้นและนำไปสู่การคาดการณ์ของราคาเพื่อการลงทุนซื้อขายหรือเก็งกำไรต่อไป การวิเคราะห์จากกราฟราคาสามารถทำได้ด้วยหลากหลายเทคนิคโดยเราจะกล่าวถึงเส้นค่าเฉลี่ยดังต่อไปนี้
เส้นค่าเฉลี่ย
การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือนักลงทุนเทรดดิ้งทั่วไปเนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ทำความเข้าใจได้ไม่ยากและสามารถศึกษาได้ด้วยตนเองและที่สำคัญคือเส้นค่าเฉลี่ยนั้นยังเป็นพื้นฐานให้กับเทคนิคหรือเครื่องมืออื่นๆรวมถึงยังสามารถนำไปปรับใช้ต่อยอดกับเทคนิคและรูปแบบอื่นๆได้อีกด้วย โดยเส้นค่าเฉลี่ยที่นิยมคือ EMA หรือที่ย่อมาจาก Exponential Moving Average ซึ่งจะคำนวณจากความสัมพันธ์ของราคาหุ้นแบบย้อนหลังโดยจะเน้นไปโฟกัสกับราคาสุดท้ายมากที่สุดจึงทำให้การถ่วงน้ำหนักแปรตอบสนองกับราคาที่เปลี่ยนแปลงได้ไวและมีประสิทธิภาพที่สุดนั้น
เส้นค่าเฉลี่ยอย่างง่าย
เส้นค่าเฉลี่ยอย่างง่ายหรือตัวย่อ SMA อาจจะเข้ากันมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นในสนามการลงทุนมากที่สุด เนื่องจากเป็นคำนวณค่าเฉลี่ยพื้นฐานที่สุดโดยจะคำนวณจากการรวมราคาของหุ้นตัวนั้นที่เราสนใจจะทำการเทรดดิ้งในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งมาหารกับจำนวนช่วงเวลานั้นๆแล้วก็จะได้ผลลัพธ์มาเป็นราคาโดยเฉลี่ยในช่วงที่สนใจหรือเส้นค่าเฉลี่ยอย่างง่ายนั้นเอง
ขาขึ้นและขาลง
วิธีการคำนวณเส้นค่าเฉลี่ยเพื่อวิเคราะห์เทรนขาขึ้นขาลงนั้นจะสามารถคำนวณได้หลากหลายระยะโดยระยะเวลาห้าถึงสิบวันจะเป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุดในการคำนวณจากนั้นก็จะมียี่สิบห้าวันห้าสิบวันและสองร้อยวันสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยเทคนิคเส้นค่าเฉลี่ยนี้จะถูกวิเคราะห์ด้วยวิธีการเปรียบเทียบเส้นค่าเฉลี่ยสองเส้นในระยะเวลาที่ต่างกันมาเทียบกันเพื่อดูจังหวะขาขึ้นและขาลงและจะได้จังหวะการซื้อและจังหวะการขายนั้นเอง หลักการเบื้องต้นง่ายๆคือให้ดูเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นและระยะยาวว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นนั้นมาบรรจบเส้นระยะยาวที่ตรงไหน หากมาบรรจบเป็นทางลาดชันขึ้นก็จะถือว่าเป็นจังหวะซื้อและหากมาบรรจบกันแล้วเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นเกิดตกลงไปก็จะสามารถอนุมานได้ว่าจังหวะนั้นคือจังหวะที่เหมาะสมกับการขายนั้นเอง
จุดตัดขาดทุน
จุดนี้เป็นจุดสำคัญที่เราจะเอาไว้กำหนดว่าเราจะยอมขายหุ้นทิ้งเมื่อไม่สามารถขายได้ในราคาที่เราตั้งใจเอาไว้โดยเราจะสามารถกำหนดหลักการการกำหนดได้สามรูปแบบง่ายๆได้แก่ การกำหนดเปอร์เซ็นก็จะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดว่าเราจะยอมเสี่ยงขาดทุนไปเท่าไรจากทรัพย์สินที่เราลงทุนลงไปไม่ว่าจะเป็นสามเปอร์เซ็นห้าเปอร์เซ็นหรือสิบเปอร์เซ็นก็ตาม ต่อมาคือการกำหนดโดยใช้กรอบแนวรับ แนวต้าน คือเราจะกำหนดราคาตามจุดซื้อขายและราคาขายขาดทุนเอาไว้เป็นกรอบซึ่งเมื่อใดที่ราคาหลุดกรอบก็จะทำการขายในทันที และหลักการสุดท้ายคือกำหนดตามเส้นค่าเฉลี่ยซึ่งจะกำหนดไว้ในจุดที่เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นตัดกับเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวหรือเมื่อราคาหุ้นลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยที่เรากำหนดเอาไว้นั้นเอง
สรุป
ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคไหนก็ขึ้นอยู่กับเราผู้ลงทุนว่าจะมีความถนัดอย่างไรในการใช้เทคนิคและเครื่องมือใดๆ แต่จงจำไว้เสมอว่าไม่ว่าจะใช้เทคนิคไหนหรือมีประสบการณ์เท่าใดก็ไม่มีการคำนวณใดที่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นดังนั้นเราในฐานะผู้ลงทุนก็ควรจะต้องมีความระมัดระวังเสมอไม่ว่าจะเป็นการรับข่าวสารอย่างรอบรู้และรับฟังคำแนะนำจากบุคคลที่สามหรือผู้ที่มีความรู้ให้ช่วยเหลือเราได้เป็นอีกมุมมองที่เราอาจนำมาวิเคราะห์และปรับใช้ได้นั้นเอง และที่สำคัญที่สุดเราจะต้องเผื่อใจให้กับผลลัพท์ที่ไม่อาจจะได้ดังใจหวังและมองให้ขาดด้วยการมีวางแผนรอบคอบและมีการวางแผนสองแผนรองให้กับแผนหลักของเราด้วยเช่นกัน